..........วิชามวยไทยนั้น เป็นศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงของไทย ซึ่งมิได้มีไว้เพื่อแสดงความสวยงามทางศิลปวัฒนธรรม หรือเป็นการต่อสู้กันบนเวทีเท่านั้น แต่เป็นศิลปะการต่อสู้ ที่มีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน จะเห็นได้จากประวัติศาสตร์นักรบคนสำคัญของไทย ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องร่ำเรียนวิชามวยไทย ก่อนที่จะมาถือดาบสู้รบกับศตรู ที่มารุกรานประเทศ
..........เพราะฉะนั้นวิชามวยไทยจึงหมายถึง ความปลอดภัยในชีวิต คือผู้ที่นำไปใช้ จะต้องได้รับความปลอดภัย สิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์ได้อย่างดีคือ เอกราชของประเทศไทย ที่เราได้อาศัยอยู่ ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมาตราบเท่าทุกวันนี้ ฉะนั้นการสืบทอดและการถ่ายทอดวิชา จึงเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง หากมีข้อบกพร่องแม้แต่เพียงน้อยนิด ย่อมหมายถึงอันตรายต่อชีวิตของผู้ที่นำไปใช้ แต่การที่จะได้มีวิชาดีไว้ปกป้องตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องแลกมาด้วยความอดทน
..........ต้นกำเนิดของมวยไทยมาจากไหนไม่มีใครทราบ หรือยืนยันได้อย่างชัดเจน แต่สรุปแล้วคือเกิดจากคนไทย และเป็นการป้องกันตัวขั้นสุดยอดที่มีการคิดค้นมา จากอดีต บรมครูมวยไทยหลายท่านได้สืบทอดต่อๆกันมา และได้ใช้วิชามวยไทยเป็นปฐมเพื่อฝึกการใช้อาวุธในชั้นมัธยม ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงวิชามวยไชยา ที่ยังคงความสมบูรณ์ ซึ่งจะได้อธิบายในหลักการสอน ที่อาจารย์กฤดากรเป็นผู้ได้รับการถ่ายทอดและรวม ไปถึงวิธีการในการสอนว่ามีขั้นตอนอย่างไร
การเตรียมตัวก่อนฝึก
..........แรกทีเดียวเราต้องสำรวจใจของเราก่อนว่า มีความปกติ มีความระมัดระวังเป็นพื้นฐาน และมีความสนใจในการฝึกมวยไทยอย่างจริงจัง มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณหรือไม่ เพราะวิชามวยไทยนั้น มีกำเนิดมาจากข้างใน คือความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นตัวกระตุ้นให้คนไทยคิดค้นวิชาการต่อสู้ป้องกันตัว ที่ไม่เหมือนชาติใดในโลก ซึ่งมีความสมบูรณ์แบบเป็นที่สุด มีความอ่อนน้อมถ่อมตน และมีความแข็งแกร่งอยู่ในตัวของมันเอง ดังนั้นผู้ฝึกต้องหมั่นสำรวจเสียก่อนในเบื้องต้น หากเราขาดตกบกพร่องข้อหนึ่งข้อใด ก็ขอให้เพียรพยายามสร้างขึ้นให้สมบูรณ์เสียก่อน เพื่อเป็นพื้นที่จะรองรับรากฐานที่สมบูรณ์ที่สุดต่อไป
ทำความเข้าใจกับอวัยวะสำหรับฝึกมวย
อวัยวะในที่นี้หมายถึง อวัยวะที่ใช้ในการกระทบ ได้แก่ หมัด เท้า เข่า ศอก
หมัด หมายถึงการรวมนิ้วมือด้วยการกำมือ
เท้า หมายถึงตั้งแต่ใต้เข่าลงไปจนถึงฝ่าเท้า (ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงบริเวณเท้าเท่านั้น)
เข่า หมายถึงการทบขาเข้ามาเป็นมุมเพื่อตรึงลูกสะบ้าให้แข็งแรงไม่เคลื่อนที่
และหมายถึงบริเวณหัวเข่า
ศอก หมายถึงการทำท่อนแขนให้เป็นมุมและหมายถึงบริเวณที่เป็นมุมนั้น
หน้าที่ของอวัยวะต่างๆ
หมัด ใช้ในการชก การโขก การเขก การทุบ การเหวี่ยง กระแทก กระทุ้ง งัด สะบัด ฟาด ฯลฯ
เท้า ใช้ในการถีบ การเหวี่ยง การยัน ฉัด เหน็บ ครูด ฯลฯ
เข่า เป็นอวัยวุธที่ใช้ตอบโต้ และยังเป็นอวัยวุธที่ใช้ในการป้องกันการเตะได้อย่างอัศจรรย์
ศอก เป็นอวัยวุธที่ใช้ในการตอบโต้และยังเป็นอวัยวุธที่ใช้ในการป้องกันอวัยวุธอื่นๆที่กล่าวมาได้อย่างวิเศษที่สุด จึงจัดว่าศอกเป็นองครักษ์ชั้นบนสุดมีหน้าที่รักษาตัวขุนคือตัวของเรานั่นเอง
การจัดตำแหน่งของอวัยวะต่างๆให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง
..........คนธรรมดา ทั่วไปเมื่อปลูกบ้านย่อมต้องมีรั้วบ้าน รั้วบ้านกับตัวบ้านก็ควรอยู่ในระยะที่สามารถเห็นและสังเกตอยู่ภายในบ้านได้ และยังหมายถึงอาณาเขตความเป็นเจ้าของของบริเวณนั้น ซึ่งจะเข้ามาได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากเจ้าของบ้านเท่านั้น
..........แนวป้องกันก็เช่นเดียวกัน หรือที่เรียกกันอย่างติดปากว่า "การจรดมวย" นั่นเอง การจรดมวยมีหลายแบบมาก ยากที่จะนำมากล่าวได้ทั้งหมด แต่ในที่นี้ได้กล่าวถึงมวยไชยา นั่นคือแนวจรดมวยของไชยา ซึ่งถือว่าเป็นแนวจรดมวยที่วิเศษอัศจรรย์ เนื่องจากว่าแนวจรดมวยของไชยาสามารถรับและรุก คือป้องกันตัวและตอบโต้ได้ในเวลาเดียวกัน และยังหมายถึงการง้างรอโดยที่คู่ต่อสู้ไม่มีวันรู้
วิธีป้องกันตัวด้วยท่าจรดมวย
..........ท่าจรดมวยที่ดีนั้นต้องสามารถพลิกเหลี่ยมหรือสลับสับเปลี่ยนแขนหรือขาเพื่อป้องกันตัวได้อย่าง รวดเร็ว ดังเช่นท่าจรดมวยของไชยานั้น เมื่อเราวางแนวแขนพาดระหว่างหน้า 45 องศา แนวแขนอีกข้างหนึ่งลดหลั่นลงป้องกันลำตัว เมื่อถูกชกหรือเมื่อหมัดของคู่ต่อสู้ล่วงผ่านแนวป้องกันคือแนวแขน เราก็เพียงแค่พลิกสันแขนพร้อมเอียงเหลี่ยมตัวตามขึ้นกระทบเพียงนิดเดียวก็ สามารถป้องกันการชกได้ หรือเมื่อคู่ต่อสู้ชกอีกด้านหนึ่ง เราก็เพียงแค่พลิกเหลี่ยมเล็กน้อยสับท่อนแขนคู่ต่อสู้ด้วยแขนหน้า
..........คำว่าวิชามวยไชยานั้นเป็นศาสตร์ และมนุษย์ที่ฝึกฝนได้แล้วนั้น ย่อมรู้จักการยืมแรงหรือการใช้แรงของคู่ปรปักษ์มาเป็นประโยชน์ของเรา ดังนั้นคำว่าตัดอวัยวุธของคู่ต่อสู้ ก็คือการจรดมวยล่อหรือแกล้งเปิด ให้คู่ต่อสู้หลงกลเข้ากระทำ แล้วเราก็อาศัยการกระทำหรือแรงของคู่ต่อสู้นั้น ตัดรอนอวัยวุธของตัวเขาเองด้วยการยกพลิกเหลี่ยม เอากระดูกส่วนที่แข็งกว่าเข้าปะทะตัดรอนอวัยวุธของคู่ต่อสู้ที่ส่งเข้ามานั้น เมื่อคู่ต่อสู้ชกหรือเตะมาด้วยความแรงตัวเขาย่อมนำพาเอาแขนหรือขาของเขาเข้ากระทบแนวป้องกันคือท่อนแขน ศอก หรือเข่าที่เราวางแนวป้องกันไว้คร่าวๆ เพื่อให้ง่ายต่อการยกหรือพลิกรับ ผลก็คือเหมือนกับเขาเอาอวัยวะของเขากระแทกมุมโต๊ะหรือสันไม้แข็งๆ ย่อมนำพาให้เขาเกิดความรู้สึกเจ็บปวดขึ้นตามแรงที่เขากระทำนั้น อวัยวุธของเขาย่อมอ่อนแรงลงหรืออาจทำให้ใช้การไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
..........ดังนั้นคำว่ามวยไทยจึงมิได้มีความหมายแค่เพียงความรุนแรง ความรวดเร็ว ความแข็งแกร่งเท่านั้น แต่ย่อมหมายถึงการป้องกันตัวอย่างสมบูรณ์ การตอบโต้อย่างฉลาด และการซ้ำเติมอย่างต่อเนื่อง แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดย่อมต้องเกิดจากการฝึกฝนตั้งแต่รากฐาน จนกระทั่งการเล่นคู่ ซ้อมคู่ และเมื่อเจอเหตุการณ์จริงไม่ว่าจะเห็นนอกสังเวียนหรือในสังเวียนก็ตาม ย่อมสามารถใช้ได้อย่างเป็นอัตโนมัติ
......ยังมีสัญชาติญาณชนิดหนึ่งซึ่งเราต้องสร้างขึ้นให้อยู่ประจำใจ คือความระมัด ระวัง ความระมัดระวังนี้ให้อยู่เป็นเพื่อนและไม่มีวันหลับตราบที่ตัวเรายังมีสติอยู่